วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553

วิธีต้มบะหมี่สำเร็จรูปที่ถูกต้อง

หลายท่านอาจจะแปลกใจ กับแค่การต้มมาม่า ทำไมมันได้ถึงยุ่งอยากมากมายนัก แล้วถ้าเราทำผิดวิธีมันจะมีโทษอย่างไร เท่าที่ผ่านมาผมถึงได้รู้ว่า ผมทำผิดวิธีมาตลอด พอดีได้รับเมล์มาจากเพื่อน คนหนึ่งเลยอยากจะเอามาไห้อ่านดู เขาบอกว่าส่วนประกอบ ในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ส่วนใหญ่เป็นแป้งสาลี เสีย 60-70% ส่วน 15-20% เป็นไขมัน (อยู่ในเครื่องปรุง) 5-6% เป็นเกลือและผงชูรสล้วนๆ เพราะฉะนั้น ถ้าทานบะหมี่สำเร็จรูป มากกว่า1ซองต่อวัน ร่างกายจะได้รับปริมาณโซเดียม เกินความต้องการ ถึง 50-100% ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อไตและจะทำไห้ความดันโลหิต สูงอีกด้วย ถ้าเราอยากจะทาน มาม่า เราควรจะทำตามคำแนะนำดังนี้ครับ ใส่ไข่ ผัก หรือจำพวก เนื้อ สัตว์ลงไปด้วย เพื่อเพิ่มสารอาหาร และป้องกัน ไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป ควรจะเลือกซื้อ บะหมี่สำเร็จรูป ที่เขียนว่าเพิ่มสารไอโอดีน และธาตุเหล็ก และวิตามินเอ ที่เขียนใว้หน้าซอง ที่สำคัญ ไม่ควรทานบะหมี่ มากกว่า วันละ1ซอง เพื่อป้องกันโรคที่เกิดกับไต และความดันโลหิต ข้อความดังกล่าวคงจะทราบๆกันอยู่แล้ว แต่คงไม่จบแค่นี้ ที่สำคัญกว่าคือวิธีการต้มครับ!มาดูกันครับ การต้มที่ผิดวิธี ปกติด้วยความคุ้นเคย เราจะใส่บะหมี่ในน้ำ พร้อมเครื่องปรุง และต้มประมาณ 3นาที จนเดือด (เพราะอ่านจากข้างหลังซอง) นักวิชาการด้านโภชนาการ ได้บอกไว้ว่าเป็นวิธีี่ผิด เพราะอะไร เพราะว่าการใส่เครื่องปรุงในน้ำและต้มจนเดือด จะทำไห้ผงชูรสเปลี่ยนเป็นสารพิษ ดังนั้นเส้นบะหมี่สำเร็จรูปซึ่งเคลือบด้วย wax (ขี้ผึ้ง)ผสมผงชูรสจะกลายสภาพเป็นสารพิษ เมื่อต้มในน้ำเดือด ซึ่งร่างกายของเรา ต้องใช้เวลา4-5วัน ในการขับ wax ผสมผงชูรส ซึ่งกลายสภาพเป็นสารพิษนี้ออกจากร่างกาย (4-5 วันนะครับคิดดูแล้วกัน ) ถึงตอนนี้ลองมาดู วิธีต้มบะหมี่ที่ถูกต้อง นักวิชาการด้านโภชนาการได้บอกไว้ว่า ให้เทบะหมี่สำเร็จรูปในน้ำแล้วต้มจนเดือดเมื่อบะหมีสุกแล้วให้เทน้ำต้มบะหมี่ทิ้ง (เป็นการเท wax ผสมผงชูรสซึ่งเป็นสารพิษทิ้งไป) ต้มน้ำให้เดือดอีกครั้ง แล้วใส่เส้นบะหมีทีต้มใว้แล้ว แล้วก็ก็ปิดแก็สได้เลยครับ ตามด้วยใส่เครื่องปรุงขณะที่น้ำยังร้อนอยู่ แค่นี้ก็ทานได้แล้วครับ เสียเวลาอีกนิด แต่เพื่อสุขภาพที่ยาวนานขึ้นครับ ขอบคุณที่มา.. จากเมล์ทีเพื่อนๆส่งมาให้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น: